นายปิติ ตันฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายให้แอพพลิเคชั่นทีทีบี ทัช โมบายแบงก์กิ้งติด 1 ใน 3 ภายใน 3-5 ปีหลังจากนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก โดยจะต้องมีบริการใหม่ๆมาจูงใจลูกค้าเข้ามาใช้เยอะขึ้น จากปัจจุบันแอพทีทีบีทัชมีผู้ใช้งาน 4 ล้านคน จะให้เพิ่มขึ้นในปีนี้เป็น 4.5-5 ล้านคน ยอมรับว่า ที่ผ่านมาระบบล่มเป็นวัน แต่ตอนนี้ไม่ได้ล่มมาหลายเดือนแล้วคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น
“ในเรื่องแอพทีทีบี ทัชที่เกิดปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเพราะการรองรับไม่ดี แต่เป็นที่การออกแบบ ยอมรับว่ามือใหม่ ทำได้ไม่ดีพอ แต่แบงก์ชาติได้เข้าใจ เพราะทีทีบีเป็นน้องใหม่ และแบงก์ใหญ่ๆได้เคยล่มมาก่อนแล้ว ซึ่งได้เกิดการเรียนรู้และเป็นประสบการณ์ที่แพงมาก ต่อไปคงต้องออกแบบให้แข็งแรงกว่านี้”
สำหรับกลยุทธ์หลักในปี 66 มี 3 เรื่อง เรื่องแรกคือสนับสนุนสินเชื่อรถแลกเงิน, สินเชื่อบ้านแลกเงิน, สินเชื่อมนุษย์เงินเดือน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถ ซึ่งภาพรวมได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อปีนี้ไว้เติบโต 3% และเชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาสภาพคล่องภายใต้เศรษฐกิจผันผวนของปีนี้ได้ด้วย จากเดิมที่ธนาคารมีสินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน บัญชีเพื่อใช้ เพื่อออม และบัญชีเงินเดือน
ทั้งนี้ ในปี 65 ธนาคารมียอดเงินฝาก 1.4 ล้านล้านบาท เติบโต 4.5%, ยอดเปิดบัตรใหม่ เป็นบัตรเครดิต 1.76 แสนใบ เติบโต 112% แฟลชการ์ด 1.01 แสนใบ เติบโต 492%, สินเชื่อส่วนบุคคล 2.29 หมื่นล้านบาท เติบโต 71%, สินเชื่อบ้านแลกเงิน 6,600 ล้านบาท เติบโต 151%, สินเชื่อรถแลกเงิน 6 หมื่นคัน เติบโต 47% และประกันชีวิต 5,500 ล้านบาท เติบโต 26%คำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต
ส่วนเรื่องที่ 2 จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นทีทีบี ทัช โมบายแบงก์กิ้งให้มีประสิทธิภาพ ก้าวสู่ 1 ใน 3 ดิจิทัล แบงก์กิ้งแพลตฟอร์ม โดยการเติบโตของดิจิทัล บนทีทีบีทัชในปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าสมัครบัตรเครดิตบนแอพทีทีบีทัช เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ยอดเบิกเงินกู้สินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้น 3.9 เท่า ยอดการเปิดบัญชีเงินฝากเพิ่มขึ้น 12% บัญชี และยอดซื้อกองทุนเพิ่มขึ้น 93% ในปี 65 จากปี 64 ซื้อกองทุนผ่านแอพเติบโต 87%
ขณะที่เรื่องสุดท้ายจะสร้างชีวิตทางการเงินของลูกค้าบัญชีเงินเดือน มีรถ มีบ้านให้ดีขึ้นรอบด้าน โดยใช้ทีทีบีทัชเป็นตัวขับเคลื่อน เช่น จ่ายเช็คยอดสินเชื่อรถ ต่อประกันภัยรถ และพ.ร.บ.เติมเงิน เช็กยอดบัตรทางด่วน และกำลังทำงานร่วมกรมสรรพากร ให้ยื่นภาษีได้ผ่านทีทีบีทัช คำนวณภาษีส่งสรรพากร เป็นสิ่งที่จะเห็นในปีนี้
“ในปี 66 จากที่ประเมินได้เห็นว่าจะมีลูกหนี้ที่ไปต่อไม่ไหวอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้ยอดหนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลจะเพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในปีที่แล้วเป็น 2.9% ในปีนี้ ซึ่งมาจากลูกหนี้ตกชั้น จากการผ่อนจ่ายหนี้ไม่ไหว ธนาคารก็คงต้องยอมปล่อยให้เป็นเอ็นพีแอล และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่เข้ามาช่วยให้ธนาคารช่วยลูกหนี้จะหมดลงในปีนี้เช่นกัน ซึ่งธนาคารเองก็ยังต้องดูแลลูกหนี้ ต้องบริหารจัดการหนี้ และต้องยอมรับความจริงเมื่อมาตรการ ธปท.จบลง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้เสียไว้ค่อนข้างสูงแล้ว”.