หตุการณ์นายธนู สาลี หรือตี๋ อายุ 29 ปี ถูกนายอธิภัทร ธรรมบุตร หรือกอล์ฟ อายุ 23 ปี ใช้อาวุธปืนรัวยิง 5 นัด ที่หน้าร้านอาหารกึ่งร้านเหล้า ภายในศูนย์การค้าชื่อดังย่านปิ่นเกล้า เมื่อราวๆ ตี 1 ของวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุมาจากนายกอล์ฟ (มือปืน) ไม่พอใจที่เพื่อนของผู้ตาย ชื่อนายน้ำมนต์ มาขอชนแก้วกับสาวที่มาด้วยกันกับนายกอล์ฟ แต่นั่งคนละโต๊ะ โดยนายตี๋ (ผู้ตาย) เข้าไปเคลียร์ปัญหาแทนเพื่อน จนสุดท้ายเกิดเหตุสลดขึ้น
ล่าสุดวันนี้ น.ส.ณัฐธิดา อายุ 29 ปี ภรรยานายตี๋ (ผู้ตาย) เดินทางมาที่ สน.บางยี่ขัน พร้อมกับ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ทีมงานทนายเดชา (หลังจากที่เมื่อเช้า เธอเข้าไปร้องขอความช่วยให้ทนายเดชา ช่วยทำคดี) โดยภรรยานายตี๋ ได้มาติดตามความคืบหน้าทางคดีกับตำรวจ หลังเกิดเหตุจนถึงตอนนี้ ผ่านมา 4 วัน แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ เธอเกรงว่าคนร้ายจะหนีออกนอกประเทศยิ่งจะทำให้การติดตามตัวยากขึ้น ภรรยานายตี๋ เล่าว่า เท่าที่มีข้อมูลตอนนี้เหมือนคนร้ายวางแผนหลบหนีมาเป็นอย่างดี ทั้งการใช้รถที่สวมทะเบียน การสลับรถตบตาตำรวจ รวมถึงมีคนช่วยหลบหนี นอกจากนี้ เธอยังตั้งข้อสังเกตว่าสามี อาจโดนใบสั่งฆ่าหรือไม่ เพราะแค่เขม่นกันเรื่องแย่งชนแก้วกับสาวในร้านไม่น่าจะลงมือได้ขนาดนี้ จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ เพราะไม่อยากให้สามีตายฟรี และไม่อยากให้คนมีประวัติอาชญากรรมร้ายแรงแบบนายกอล์ฟ ไปก่อเหตุซ้ำอีก
ส่วนข้อความแชทสุดท้าย ก่อนนายตี๋เสียชีวิต ส่งถึงพี่สาวตอน 00.37 น. ข้อความระบุประมาณว่า ช่วยบอกให้ทีว่าน้ำมนต์จะโดนรุมทำร้าย พร้อมกับส่งพิกัดแผนที่ให้พี่สาว กระทั่ง 01.34น. พี่เขยจึงเดินทางไปถึง แต่สุดท้ายก็มาเกิดเหตุขึ้น
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่านายตี๋ ทำอาชีพอะไร มีเรื่องขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจกับใคร หรือไม่ น.ส.ณัฐธิดา เผยว่า สามีเปิดแผงเช่าพระ มีหน้าร้าน ทำอยู่กับพี่เขย แต่เท่าที่รู้คือไม่ได้ขัดแย้งทางธุรกิจกับใคร
ด้านพันตำรวจเอกพายัพ สมบูรณ์ ผู้กำกับ สน.บางยี่ขัน บอกว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังทำงานอยู่ ขอเวลาอีกนิด ศาลออกหมายจับให้วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ความจริงชุดคลี่คลายคดี ทั้ง สน.บางยี่ขัน และตำรวจนครบาล 7 ทำงานตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ ตอนนี้พบเส้นทางการหลบหนีตั้งแต่หลังก่อเหตุคำพูดจาก สล็อตเว็บตรงฝาก
มือยิงขึ้นรถเบนซ์ ทะเบียน 7 กถ 2465 กทม (ซึ่งเป็นรถที่สวมทะเบียน)พร้อมเพื่อนรวม 4 คน โดยเพื่อน 3 คน มีนายแบงค์ นายเบิร์ด และนายเสมา โดยนายกอล์ฟ มือยิง เป็นคนขับ นายเบิร์ดนั่งข้างคนขับ ส่วนนายแบงค์ และนายเสมา นั่งเบาะหลัง เมื่อมาถึงแถวเพชรเกษม 52 นายกอล์ฟมือยิง และนายเบิร์ดลงรถ และให้นายเสมา และนายแบงค์ ขับรถเบนซ์ มุ่งหน้านำรถไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านพ่อตานายแบงค์ ในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม
โดยผู้กำกับ สน.บางยี่ขัน ระบุอีกว่า จากการสอบถามเจ้าของร้านเหล้าที่เกิดเหตุ พบว่านายตี๋ (ผู้ตาย) เป็นลูกค้าประจำ แต่ในกอล์ฟ (ผู้ก่อเหตุ) เพิ่งมาเป็นครั้งแรก จึงเชื่อได้ว่านายกอล์ฟ ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงอยากให้ญาติผู้เสียชีวิตสบายใจได้ว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ตอนนี้ให้ข้อมูลอะไรมากไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของสำนวนและแนวทางสืบสวน แต่บอกได้ว่าคนร้ายรายนี้มีคดีเก่าที่ทางผู้กำกับ เคยจับกุมด้วยตนเองมาแล้วในท้องที่บางขุนเทียน คือคดี พ.ร.บ. อาวุธปืน เมื่อปี 2566 คดีดังกล่าวนายกอล์ฟ ถูกตำรวจควบคุมตัวส่งดำเนินคดี
แต่หลังจากศาลให้ประกันตัว นายกอล์ฟ ก็หนีคดีไปเลย นอกจากนี้ ยังมีคดียาเสพติด ในท้องที่ จ.นครปฐม 1 คดี และคดีสมคบยาเสพติดอีก 1 คดี ในท้องที่ จ.นครปฐมเช่นกัน และล่าสุดเหตุการณ์นี้นายกอล์ฟ โดนอีก 3 ข้อหา คือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และยิงปืนในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร สรุปนายกอล์ฟ หนีทุกคดี ส่วนข้อกังวลที่ญาติผู้ตาย กลัวว่าคนร้ายจะหลบหนีออกนอกประเทศนั้น ได้ประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแล้วให้สกัดกั้นทุกช่องทาง แต่หากพบว่านายกอล์ฟ หนีออกนอกประเทศไปแล้ว ก็จะออกหมายแดงให้ประเทศนั้น ๆ ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่เบื้องต้นพบข้อมูลนายกอล์ฟ ยังหนีอยู่ในไทย ส่วนคนที่ช่วยเหลือนายกอล์ฟ ในการหลบหนีหรือให้ที่พักพิง ต้องถูกดำเนินคดีทุกคน ส่วนข้อหาอาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการช่วยเหลือ
ด้านทนายกุ้ง เผยว่า ในส่วนของการต่อสู้ทางคดีความไม่มีความกังวลใด ๆ เพราะพยานและหลักฐานค่อนข้างชัดเจน และคดีนี้ผู้กำกับท่านรับปากว่าจะเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวผู้เสียชีวิต ย้ำว่าหากยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ ก็จะไม่เผาศพนายตี๋ เด็ดขาด